วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

กู้วิกฤตมิตรภาพ


กู้วิกฤตมิตรภาพ



เสี่ยงสู้..กู้วิกฤตมิตรภาพ


ชีวิตโดยเดี่ยว..เฝ้ามองหาเพื่อนและมวลมิตร
แต่การเข้าถึงความเป็นกัลยาณมิตร หรือเพื่อนที่แสนดีนั้นอาจหมายถึงการเอาชีวิตเข้าแลก
หรืออาจหมายถึงการที่ต้องยอมปล่อยทิ้งความอบอุ่นปลอดภัยให้สูญสลายไปกับความโดดเดี่ยว
และก้าวล่วงไปสู่พื้นที่แห่งความสิ้นหวัง และค้นพบขุมพลังของหมาจนตรอก


เราทุกคนต่างมีรอยแผลในใจ และแสวงหาความปลอดภัยให้กับแผลเก่าเหล่านั้นไม่ให้เปิดออกมาอีกครั้ง
เราหวังว่ามิตรหมู่ทั้งหลายจะช่วยให้เราไม่ต้องเปิดแผลที่เจ็บปวดอีก
และดำเนินชีวิตต่อไปอย่างปกติ ไม่ต้องพะวักพะวงว่าความขาดพร่องของเราจะกลับมาเล่นงานเราอีก

แต่จนแล้วจนรอด รอยแผลก็กำเริบเสิบสานรุกรานชีวิตเราเป็นระยะๆ ไม่หยุดหย่อน แบบที่เราไม่รู้ตัว
แม้เราพยายามปกปิด ละเลย แล้วเดินหน้าต่อ และพยายามไม่มองมาข้างหลัง
แล้วปลอบประโลมตัวเองว่า "ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็หายไปเอง"
แต่จนแล้วจนรอด เราไม่เคยรอดได้จริงๆ


มิตรภาพไม่ได้มาด้วยเพียงความรู้สึกที่ดีที่เรามีให้กับตัวเองหรือคนรอบข้าง
แต่มาได้ด้วยความซื่อตรง จริงแท้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในตัวเรา
ยอมรับอย่างที่เป็น ไม่ตัดสิน หรือพิพากษา หรือแม้พิพากษาก็ยอมรับว่าเราพิพากษาตัวเอง
เป้าหมายของการพัฒนาด้านใน ควบคู่ไปกับการพัฒนาชุมชน และมิตรภาพที่จริงแท้ ที่เริ่มจากเราเอง


ภาพลักษณ์หรือบทบาทที่ช่วยปกป้องคุ้มครองเราให้ปลอดภัยมาตลอดนั้น เมื่อถึงเวลาก็ต้องทำลายรื้อถอนลง เพื่อให้เราได้เปลือยเปล่าท่ามกลางโอกาสแห่งความเป็นไปได้ของชีวิตทั้งมวล
"ฉันไม่ใช่ ฉัน อย่างที่เคยคิด...ฉันคือความเป็นไปได้ทั้งมวล"

ไม่ว่าเราพยายามจะเป็นคนดีเพียงใด เป็นคนสำเร็จ คนเก่ง หรือคนที่น่ารัก
หรือไม่ว่าเราจะพยายามเป็นคนเลว คนชั่ว ทำตัวให้ไม่เป็นที่รัก หรือน่ารังเกียจหมั่นไส้ ในสายตาผู้คน
เพื่อว่าเราจะได้รู้สึกอิสระจากความคาดหวังของสังคม หรือไม่ผิดหวังในตัวเอง
นั่นคือ ตราบใดที่เรายังพยายามอยู่ หมายถึง เรากำลังแยกตัวเองออกจากความจริงแท้ของตัวเอง
ที่ดำรงอยู่ในความเปลี่ยนแปลง


บางครั้งการได้ลิ้มลองชิมรสชาดของบทบาทที่เราไม่คุ้นเคยดูบ้าง
เป็นคนกร้าวร้าวบ้าง หรือเป็นคนอ่อนเอนไหวพริ้วบ้าง อย่างไม่ตัดสินหรือพิพากษา
ก็น่าจะเปิดชีวิตให้กว้างใหญ่ขึ้น และค้นพบว่า ถึงที่สุดแล้ว เรามีทางเลือกเสมอ
ที่จะเป็นอะไรก็ได้ ดังใจปรารถนา
ไม่ว่าทุกข์หรือสุข


เมื่อเราจริงแท้กับตัวเองได้ พลังแห่งการยอมรับศิโรราบให้กับความจริงแท้และเปลือยเปล่านี้
ย่อมสำแดงปรากฎ แผ่กระจายไปสัมผัสชีวิตทั้งหลายที่เราเกี่ยวพันด้วย
เราไม่ต้องกลัวความโดดเดี่ยวอีกต่อไป เพราะนั่นเป็นเพียงมายาภาพที่เราเคยสงสารตัวเอง
เราไม่ต้องกลัวความล้มเหลวอีกต่อไป เพราะมันมิอาจทำให้ความรักของเราเปลี่ยนแปลงได้

การดำรงอยู่อย่างจริงแท้กับตัวเอง ไม่ใช่การได้ชัยชนะเหนืออะไร เพราะไม่มีอะไรแพ้หรือชนะ
ความเปลือยเปล่าก็ไม่ได้ดีไปกว่าอะไร มันเป็นเพียงความเปลือยเปล่า ที่ไร้วาระและความคาดหวัง
การไม่แสวงหาเกราะกำบังหรือคำปลอบประโลมใดๆ เพราะลมหายใจเข้าออกได้ดูแลฉันแล้ว


เพียงซื่อตรงและจริงแท้ โลกใหม่ก็ปรากฎอยู่เบื้องหน้า และเบื้องลึก
แต่นี่อาจถึงแก่อสัญกรรมแห่งอัตตา และการต้องเผชิญกับความหวั่นไหวและวิตกกัลวลอย่างสุดขีด
ความประหวั่นพรั่นพรึงที่เราจะไม่มีทำนบให้เกาะ ได้แต่เพียงลอยคออยู่ในมหาสมุทรที่เวิ้งว้าง
หากโชคดี อาจมีท่อนไม้สักต้น ลอยมาให้เกาะ
ไม่ได้...เกาะไม่ได้เชียว เรากระโดดลงจากท่าน้ำเพราะจะหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับน้ำมิใช่หรือ
แล้วจะกลัวจมน้ำทำไมกัน
กลัวจะเป็นหนึ่งเดียวกับห้วงมหรรณพที่ยิ่งใหญ่ไปใย

7 ความคิดเห็น: