วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เรื่องเล่า เพื่อน..มิตรภาพกับความรัก..



"มิตรภาพ สร้างง่าย แต่การรักษามิตรภาพให้คงอยู่เป็นเรื่องที่ยาก"

          เคยมีใครบางคนพูดประโยคนี้กับฉัน.และฉันเองก็พยามคิดตาม.. คงจะเป็นเรื่องจริง...เพราะการเริ่มต้นสร้างมิตรภาพที่ดีกับใครสักคนสำหรับฉันแล้วเพียงแค่เราเต็มใจที่จะหยิบยื่นมิตรภาพที่ดีให้กับเค้า..เมื่อเค้ารับรู้ได้เราก็จะได้รับมิตรภาพที่ดีตอบกลับมา..ฉันคิดเสมอว่าถ้าเราอยากให้ใครสักคนดีกับเรา..เราก็ต้องดีกับเค้าก่อน..ถ้าเราอยากให้ใครสักคนรักเรา..เราก็ต้องรู้จักให้ความรักกับเค้าก่อน.. แต่การรักษามิตรภาพให้คงอยู่เป็นเรื่องที่ยาก..เพราะเราต้องดูแลและเอาใจใส่..เหมือนกับปลูกต้นไม้สักต้น เราก็ต้องเอาใจใส่รดน้ำพรวนดิน..ใส่ปุ๋ยเพื่อให้ต้นไม้เจริญเติบโต..
          มิตรภาพสำหรับฉัน..คงเริ่มต้นจากคำว่า..เพื่อน ..เมื่อผูกพันกันมากขึ้นก็จะเปลี่ยนเป็น..เพื่อนสนิท..และเมื่อเราสนิทและรู้ใจกันมากขึ้นก็จะเปลี่ยนเป็น..เพื่อนรัก..ฉันไม่รู้หรอกว่าจะมีใครสักคนรู้สึกเหมือนกับฉันมั้ย..?  ว่าเพื่อนสนิทกับเพื่อนรัก..ให้ความหมายที่แตกต่างกัน เพราะคำว่าเพื่อนรักสำหรับฉันคือส่วนผสมของคำว่า เพื่อนสนิท กับความรัก..นั่นเอง..
          เพื่อนรักของฉัน..มิตรภาพของเราแน่นอนว่าต้องเริ่มจากความเป็นเพื่อน...ก่อนหน้านั้นฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวฉันเองจะสนิทกับเค้าได้มากมายขนาดนี้..จนกระทั่งเมื่อฉันได้รู้จักและเข้าใจในความเป็นตัวตนของอีกฝ่าย..จึงรู้สึกผูกพันและก่อเกิดเป็นความรัก..ในแบบที่เพื่อนคนหนึ่งพึงมีให้กับเพื่อนอีกคนหนึ่ง..หนังสือ..และข้อคิดต่าง ๆ ที่ฉันรู้จักและเคยอ่านมา..ให้นิยามของคำว่าเพื่อนในแบบต่าง ๆ มากมาย..แต่คำนิยามเหล่านั้น..อาจน้อยเกินไปเมื่อคุณได้มีเพื่อนรักสักคนอย่างฉัน..
          มีอยู่ครั้งนึงที่เราแลกไดอารี่กันอ่าน..เป็นเค้าเองที่เป็นตัวต้นคิด..โดยตกลงกันไว้ว่าเมื่อเขียนครบ 3 เดือนเมื่อไหร่..เราจะต้องแลกกันอ่านและต้องเขียนจากความรู้สึกข้างในของตัวตนของอีกคนจริง ๆ ..แต่พอเวลา เกือบ..1 เดือนผ่านไป ไดอารี่ของเค้าก็ยังคงว่างเปล่า..มีแต่ฉันคนเดียวที่ยังคงเขียนไปเรื่อย ๆ ..(ก็เข้าใจนะว่าไม่ค่อยชอบเขียนบันทึกเท่าไหร่) แต่ไม่เป็นไร..เพราะฉันมีแผน..ฉันรู้ว่าเค้าต้องไปดูงานที่กุ้ยหลินหลายวัน..อย่างน้อยก็เกือบ 1 อาทิตย์ เค้าถามฉันว่า "อยากได้ของฝากอะไรมั้ย?..."ฉันตอบไปว่า "ไม่ต้องซื้อของฝากอะไรมาให้หรอก..เพียงแต่ว่าระหว่างที่ตัวเองอยู่ที่นั่น..เขียนบันทึกมาให้เค้าอ่านก็พอแล้ว..จะได้เหมือนเค้าไปกับตัวเองด้วยไง..คิดว่าถ้ารอตัวเองเขียนบันทึก 3 เดือน...เค้าคงไม่ได้อ่านหรอก อิ อิ.."
          จนกระทั่งถึงวันที่เค้ากลับมา..เค้ายื่นสมุดบันทึกให้กับฉันโดยที่ฉันยังไม่ทันทวงเลยด้วยซ้ำ..  "นี่ เค้าเขียนมาให้แล้ว.." ดูท่าทางเขิน ๆ ของเค้าแล้วฉันอดหัวเราะไม่ได้..ใครจะไปรู้ว่าสาวลุย ไปไหนไปกัน แบบเพื่อนของฉันจะเขินเป็นกับเค้าด้วย 55  

            พอฉันเปิดอ่าน..ตั้งแต่วันแรกที่เค้าไปถึงที่นั่นแต่ละวันเค้าเขียนอะไรไม่มาก..แต่ฉันคิดว่ามันไม่สำคัญเท่ากับข้อความที่อยู่ในนั้นหรอก..ถึงตัวหนังสือจะโย้เย้เพราะคนเขียนง่วงนอน..แต่ฉันก็รู้สึกดีที่ได้อ่านข้อความเหล่านั้นผ่านลายมือนี้..เพื่อนรักของฉันทำให้ฉันค้นพบว่า..กลิ่นเครื่องบินก็เก็บมาฝากกันได้ด้วย..ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้กลิ่นของมันจริง ๆ (เพราะคงจะระเหยไปในระหว่างทาง ) แต่มันก็ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าฉันได้เดินทางไปพร้อมกับเค้า..และฉันก็ค้นพบอีกว่า..อาหารจานโปรดของฉันอร่อยกว่าที่กุ้ยหลินเป็นไหน ๆ  ถึงแม้ว่าในเมืองไทยจะเป็นอาหารที่แสนจะธรรมดา ..ขอบใจมากนะเพื่อนรัก.. 

         เวลาที่เราห่างกัน..บ่อยครั้งที่เค้ามักจะโทรมาเล่าว่าเค้ากำลังกินอะไรอยู่...
           พร้อมกับบอกฉันว่าแล้วจะกินเผื่อตัวเองนะ..
         และฉันเองก็เช่นกัน..เวลาที่ไปเที่ยวกับครอบครัว..ฉันมักจะโทรไปเล่า
          ให้เค้าฟังว่าฉันอยู่ที่ไหน.. แล้วก็จะบอกกับเค้าว่า...แล้วฉันจะเที่ยวเผื่อ..
         เวลาที่ฉันทุกข์ใจ..เค้าก็จะรับฟังและเล่าเรื่องตลก ๆ
           หรือทำอะไรตลก ๆ เพื่อให้ฉันหัวเราะ..
         และฉันเองก็เช่นกัน..เวลาที่เห็นเค้าทุกข์ใจ..ถึงรู้ว่ามุขของตัวเองจะฝืดแค่ไหน..
           แต่ก็เอาออกมาใช้เพราะแค่อยากเห็นรอยยิ้มของเค้า.. 

          "มิตรภาพ  สร้างขึ้นง่าย..แต่การรักษามิตรภาพให้คงอยู่เป็นเรื่องที่ยาก.." ประโยคนี้สำหรับฉันแล้วถึงแม้มันจะเป็นเรื่องจริง..แต่สำหรับเพื่อนรักของฉันแล้วมันคงไม่ยากเกินกำลังสำหรับฉัน..เพราะฉันจะรักษามันให้อยู่กับฉันตลอดไป..

วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

มิตรภาพเก่าๆ ที่เหลือเก็บ ไว้เป็นความทรงจำ

มิตรภาพผองเพื่อน ที่เก็บไว้เป็นความทรงจำในวันวาน

ความหมายของ"เพื่อน"

คุณค่าของคำว่าเพื่อน คือ สิ่งที่ช่วยให้คุณมองเห็นค่าของมิตรภาพ 

หากมีเพื่อนแท้แม้เพียงสักหนึ่งคน 
เท่ากับว่าคุณได้เติมชีวิตให้เต็มเปี่ยม 
ทำไมชีวิตที่มีเพื่อนช่างเป็นชีวิตที่แสนดี 
คุณอาจถูกทิ้งอยู่ท่ามกลางทะเลทรายซาฮารา และลมอาจพัดเอาฝุ่นทรายเข้าตา 
แต่คุณยังคงจำลายมือของเพื่อนที่คุณรักที่สุดได้ 
คุณมีใครสักคนที่บ่นให้ฟังได้เสมอ 
คุณใส่เสื้อผ้าที่ดูแย่ที่สุดเมื่ออยู่กับเพื่อนได้ 
เมื่อคุณเล่าความลับให้เพื่อนฟัง เพื่อนจะเก็บไว้เป็นความลับ 
เพื่อนจะไม่ถือสาหาความ แม้ว่าคุณจะโทรไปปลุกแต่เช้า 
เมื่อเพื่อนถามคุณว่า สบายดีหรือเปล่า? 
คุณไม่จำเป็นต้องตอบว่า " สบายดี " 
คุณสามารถตั้งคำถามโง่ ๆ กับเพื่อนได้ โดยที่เพื่อนไม่หัวเราะเยาะคุณ 
เพื่อนอยู่ข้างคุณเสมอไม่ว่ากฎหมายจะว่าอย่างไร 
เพื่อนจะนินทาคนอื่นในแบบที่คุณนินทาเสมอ 
คุณสามารถยกเลิกอาหารมื้อค่ำได้ โดยที่ไม่ถูกตัดพ้อต่อว่าจากเพื่อน 
เสื้อผ้าของเพื่อน ก็เหมือนเสื้อผ้าของคุณยืมใช้กันได้เสมอ 
ถ้าไม่มีเพื่อน สมุดจดที่อยู่ก็ว่างเปล่านะสิ 
เพื่อนจะไม่บ่น ถ้าคุณยืนกินอาหารในครัว 
แทนที่จะนั่งบนเก้าอี้ให้เรียบร้อย 
มิตรภาพแตกหักได้ยากกว่าชีวิตคู่ 
เพื่อนยอมรับคุณได้เสมอ ไม่ว่าคุณจะหนักเพิ่มขึ้นเท่าใด 
เพื่อนจะยังคงรักคุณเหมือนเดิม คุณไม่จำเป็นต้องนำอะไรติดไม้ติดมือไปด้วย เมื่อโผล่หน้าไปเยี่ยมเพื่อน 
เพื่อนสามารถกลับมาคืนดีได้หลังจากทะเลาะกัน 
เพื่อนจะพูดความจริง เกี่ยวกับสีผมที่คุณเพิ่งไปทำ 
เพื่อนจะคอยเลี้ยงลูกให้ยามที่คุณยุ่ง 
เพื่อนจะให้คุณยืมเงินได้ง่ายกว่าไปกู้ธนาคาร 
คุณหยิบของในตู้เย็นของเพื่อนมากินได้โดยไม่ต้องขออนุญาตก่อน 

คุณสามารถโทรชวนเพื่อนออกมาดูหนังในคืนวันเสาร์ได้โดยไม่ต้องบอกล่วงหน้า 

คุณสามารถนั่งเงียบๆ ไปตลอดทางโดยไม่ต้องหาเรื่องมาคุยกัน 

เพื่อนคือใครสักคนที่คุณสามารถหลบออกจากที่ทำงาน 

และไปนั่งกินกาแฟด้วยกันได้ 

เพื่อนจะไม่ต่อว่าถ้าคุณเลิกนัดเพราะเจอคนถูกใจ 

เพื่อนจะไม่ทอดทิ้งคุณแม้ขณะติดคุก 

แม้ว่าเพื่อนจะไม่พบกันนานนับสิบปี 

แต่ความรู้สึกของคุณกับเพื่อนก็ยังคงเหมือนเดิม 
คุณหยิบของในตู้เย็นของเพื่อนมากินได้โดยไม่ต้องขออนุญาตก่อน 
คุณสามารถโทรชวนเพื่อนออกมาดูหนังในคืนวันเสาร์ได้โดยไม่ต้องบอกล่วงหน้า 

คุณสามารถนั่งเงียบๆ ไปตลอดทางโดยไม่ต้องหาเรื่องมาคุยกัน 

เพื่อนคือใครสักคนที่คุณสามารถหลบออกจากที่ทำงาน 

และไปนั่งกินกาแฟด้วยกันได้ 

เพื่อนจะไม่ต่อว่าถ้าคุณเลิกนัดเพราะเจอคนถูกใจ 

เพื่อนจะไม่ทอดทิ้งคุณแม้ขณะติดคุก 

แม้ว่าเพื่อนจะไม่พบกันนานนับสิบปี 

แต่ความรู้สึกของคุณกับเพื่อนก็ยังคงเหมือนเดิม 

คุณสามารถโทรชวนเพื่อนออกมาดูหนังในคืนวันเสาร์ได้โดยไม่ต้องบอกล่วงหน้า 
คุณสามารถนั่งเงียบๆ ไปตลอดทางโดยไม่ต้องหาเรื่องมาคุยกัน 

เพื่อนคือใครสักคนที่คุณสามารถหลบออกจากที่ทำงาน 

และไปนั่งกินกาแฟด้วยกันได้ 

เพื่อนจะไม่ต่อว่าถ้าคุณเลิกนัดเพราะเจอคนถูกใจ 

เพื่อนจะไม่ทอดทิ้งคุณแม้ขณะติดคุก 

แม้ว่าเพื่อนจะไม่พบกันนานนับสิบปี 

แต่ความรู้สึกของคุณกับเพื่อนก็ยังคงเหมือนเดิม 

คุณสามารถนั่งเงียบๆ ไปตลอดทางโดยไม่ต้องหาเรื่องมาคุยกัน 
เพื่อนคือใครสักคนที่คุณสามารถหลบออกจากที่ทำงาน 

และไปนั่งกินกาแฟด้วยกันได้ 

เพื่อนจะไม่ต่อว่าถ้าคุณเลิกนัดเพราะเจอคนถูกใจ 

เพื่อนจะไม่ทอดทิ้งคุณแม้ขณะติดคุก 

แม้ว่าเพื่อนจะไม่พบกันนานนับสิบปี 

แต่ความรู้สึกของคุณกับเพื่อนก็ยังคงเหมือนเดิม 

เพื่อนคือใครสักคนที่คุณสามารถหลบออกจากที่ทำงาน 
และไปนั่งกินกาแฟด้วยกันได้ 

เพื่อนจะไม่ต่อว่าถ้าคุณเลิกนัดเพราะเจอคนถูกใจ 

เพื่อนจะไม่ทอดทิ้งคุณแม้ขณะติดคุก 

แม้ว่าเพื่อนจะไม่พบกันนานนับสิบปี 

แต่ความรู้สึกของคุณกับเพื่อนก็ยังคงเหมือนเดิม 

และไปนั่งกินกาแฟด้วยกันได้ 
เพื่อนจะไม่ต่อว่าถ้าคุณเลิกนัดเพราะเจอคนถูกใจ 

เพื่อนจะไม่ทอดทิ้งคุณแม้ขณะติดคุก 

แม้ว่าเพื่อนจะไม่พบกันนานนับสิบปี 

แต่ความรู้สึกของคุณกับเพื่อนก็ยังคงเหมือนเดิม 

เพื่อนจะไม่ต่อว่าถ้าคุณเลิกนัดเพราะเจอคนถูกใจ 
เพื่อนจะไม่ทอดทิ้งคุณแม้ขณะติดคุก 

แม้ว่าเพื่อนจะไม่พบกันนานนับสิบปี 

แต่ความรู้สึกของคุณกับเพื่อนก็ยังคงเหมือนเดิม 

เพื่อนจะไม่ทอดทิ้งคุณแม้ขณะติดคุก 
แม้ว่าเพื่อนจะไม่พบกันนานนับสิบปี 

แต่ความรู้สึกของคุณกับเพื่อนก็ยังคงเหมือนเดิม 

แม้ว่าเพื่อนจะไม่พบกันนานนับสิบปี 
แต่ความรู้สึกของคุณกับเพื่อนก็ยังคงเหมือนเดิม 

แต่ความรู้สึกของคุณกับเพื่อนก็ยังคงเหมือนเดิม 


นิยาม คำว่า "เพื่อน"

หลายคนคงสงสัยกับคำคำเดียว ง่ายๆ สั้นๆ ทีเรียกว่า "เพื่อน"
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนบัญญัติศัพท์คำนี้ขึ้นมานะ...
แค่ สระ เ ,พ พาน,สระ อือ,ไม้เอก,อ อ่าง และ ง งู ไม่นึกเลยว่าจะเป็นคำเล็กๆที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้
ไม่รู้ว่าใครให้คำนิยามคำคำนี้ว่ายังไงบ้าง แต่สำหรับชั้นแล้ว คำว่าเพื่อนไม่ได้สะกดด้วยพยัญชนะหรือสระเท่านั้น
เรายังใช้หัวใจในการสะกดคำคำนี้อีกด้วย...
เพื่อน เต็มไปด้วยความรู้สึก เต็มไปด้วยอารมณ์ และสิ่งหนึ่งที่จะทำให้คำว่าเพื่อนสมบูรณ์ได้ ก็คงเป็นคนหลายคนที่เรียกตัวเองว่า"เพื่อน"เนี่ยแหละ
หลายคนคงบอกว่า เพื่อนต้องมีความจริงใจให้กัน...
หลายคนคงบอกว่า เพื่อนต้องมีความเชื่อใจให้กัน...
หลายคนคงบอกว่า เพื่อนต้องไม่ปิดบังกัน...
หลายคนคงบอกว่า เพื่อนต้องเข้าใจกัน...
หลายคนคงบอกว่า เพื่อนต้องมีเวลาให้กัน...
หลายคนคงบอกว่า เพื่อนต้องเอาใจใส่กัน...
หลายคนคงบอกว่า เพื่อนต้องอยู่ด้วยกัน...
หลายคนคงบอกว่า เพื่อนต้องช่วยเหลือกัน...
หลายคนคงบอกว่า เพื่อนต้องรักกัน...
ไม่รู้สิ...ไม่รู้หรอกว่าคำคำนี้แท้ที่จริงแล้วความหมายของมันจะประกอบด้วยอ่ะไร
ชั้นรู้แต่ว่า
เพื่อน ไม่ใช่คนที่ต้องมีความจริงใจให้กัน แต่เพื่อนจะมีความจริงใจให้กันเสมอ
เพื่อน ไม่ใช่คนที่ต้องเชื่อใจกัน แต่เพื่อนไม่เคยมีคำว่าไม่เชื่อใจ
เพื่อน ไม่ใช่คนที่ต้องไม่ปิดบังกัน แต่เพื่อนคือคนที่จะเปิดเผยและปกปิดในสิ่งที่เหมาะสมให้กับเพื่อนคนนึง
เพื่อน ไม่ใช่ว่าต้องเข้าใจกัน แต่เพื่อนจะพยายามปรับตัวเข้าหาเพื่อนและเปลี่ยนความไม่เข้าใจให้กลายเป็นความเข้าใจได้
เพื่อน ไม่ต้องมีเวลาให้กันทุกนาทีแต่ในทุกวินาทีที่เราคิดถึงเพื่อนขึ้นมาจะเป็นช่วงเวลาที่มีค่าและสำคัญเสมอ
เพื่อน ไม่ใช่แค่ต้องเอาใจใส่แต่คอยสนใจและห่วงใยเสมอๆ
เพื่อน ไม่ต้องอยู่ด้วยกันเพราะเพื่อนอยู่ในใจเสมอเพียงแค่คิดถึงกันภาพก็เด่นชัดขึ้นมาเหมือนภาพสามมิติ
เพื่อน ไม่ใช่แค่เข้ามาช่วยเหลือกัน แต่คอยถามเสมอว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า
สุดท้าย เพื่อน ไม่"ต้อง"รักกัน แต่เพื่อน...รู้สึกถึงความรักเสมอแม้ว่าไม่มีคำพูดใดๆ...

ไม่รู้ว่าจะเหมือนความหมายของเพื่อนในพจนานุกรมหรือเปล่า แต่ชั้นรู้แต่เพียงว่ามันอยู่ในใจของชั้นและบุคคลที่เป็น "เพื่อนกัน...ตลอดไป"

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

กู้วิกฤตมิตรภาพ


กู้วิกฤตมิตรภาพ



เสี่ยงสู้..กู้วิกฤตมิตรภาพ


ชีวิตโดยเดี่ยว..เฝ้ามองหาเพื่อนและมวลมิตร
แต่การเข้าถึงความเป็นกัลยาณมิตร หรือเพื่อนที่แสนดีนั้นอาจหมายถึงการเอาชีวิตเข้าแลก
หรืออาจหมายถึงการที่ต้องยอมปล่อยทิ้งความอบอุ่นปลอดภัยให้สูญสลายไปกับความโดดเดี่ยว
และก้าวล่วงไปสู่พื้นที่แห่งความสิ้นหวัง และค้นพบขุมพลังของหมาจนตรอก


เราทุกคนต่างมีรอยแผลในใจ และแสวงหาความปลอดภัยให้กับแผลเก่าเหล่านั้นไม่ให้เปิดออกมาอีกครั้ง
เราหวังว่ามิตรหมู่ทั้งหลายจะช่วยให้เราไม่ต้องเปิดแผลที่เจ็บปวดอีก
และดำเนินชีวิตต่อไปอย่างปกติ ไม่ต้องพะวักพะวงว่าความขาดพร่องของเราจะกลับมาเล่นงานเราอีก

แต่จนแล้วจนรอด รอยแผลก็กำเริบเสิบสานรุกรานชีวิตเราเป็นระยะๆ ไม่หยุดหย่อน แบบที่เราไม่รู้ตัว
แม้เราพยายามปกปิด ละเลย แล้วเดินหน้าต่อ และพยายามไม่มองมาข้างหลัง
แล้วปลอบประโลมตัวเองว่า "ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็หายไปเอง"
แต่จนแล้วจนรอด เราไม่เคยรอดได้จริงๆ


มิตรภาพไม่ได้มาด้วยเพียงความรู้สึกที่ดีที่เรามีให้กับตัวเองหรือคนรอบข้าง
แต่มาได้ด้วยความซื่อตรง จริงแท้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในตัวเรา
ยอมรับอย่างที่เป็น ไม่ตัดสิน หรือพิพากษา หรือแม้พิพากษาก็ยอมรับว่าเราพิพากษาตัวเอง
เป้าหมายของการพัฒนาด้านใน ควบคู่ไปกับการพัฒนาชุมชน และมิตรภาพที่จริงแท้ ที่เริ่มจากเราเอง


ภาพลักษณ์หรือบทบาทที่ช่วยปกป้องคุ้มครองเราให้ปลอดภัยมาตลอดนั้น เมื่อถึงเวลาก็ต้องทำลายรื้อถอนลง เพื่อให้เราได้เปลือยเปล่าท่ามกลางโอกาสแห่งความเป็นไปได้ของชีวิตทั้งมวล
"ฉันไม่ใช่ ฉัน อย่างที่เคยคิด...ฉันคือความเป็นไปได้ทั้งมวล"

ไม่ว่าเราพยายามจะเป็นคนดีเพียงใด เป็นคนสำเร็จ คนเก่ง หรือคนที่น่ารัก
หรือไม่ว่าเราจะพยายามเป็นคนเลว คนชั่ว ทำตัวให้ไม่เป็นที่รัก หรือน่ารังเกียจหมั่นไส้ ในสายตาผู้คน
เพื่อว่าเราจะได้รู้สึกอิสระจากความคาดหวังของสังคม หรือไม่ผิดหวังในตัวเอง
นั่นคือ ตราบใดที่เรายังพยายามอยู่ หมายถึง เรากำลังแยกตัวเองออกจากความจริงแท้ของตัวเอง
ที่ดำรงอยู่ในความเปลี่ยนแปลง


บางครั้งการได้ลิ้มลองชิมรสชาดของบทบาทที่เราไม่คุ้นเคยดูบ้าง
เป็นคนกร้าวร้าวบ้าง หรือเป็นคนอ่อนเอนไหวพริ้วบ้าง อย่างไม่ตัดสินหรือพิพากษา
ก็น่าจะเปิดชีวิตให้กว้างใหญ่ขึ้น และค้นพบว่า ถึงที่สุดแล้ว เรามีทางเลือกเสมอ
ที่จะเป็นอะไรก็ได้ ดังใจปรารถนา
ไม่ว่าทุกข์หรือสุข


เมื่อเราจริงแท้กับตัวเองได้ พลังแห่งการยอมรับศิโรราบให้กับความจริงแท้และเปลือยเปล่านี้
ย่อมสำแดงปรากฎ แผ่กระจายไปสัมผัสชีวิตทั้งหลายที่เราเกี่ยวพันด้วย
เราไม่ต้องกลัวความโดดเดี่ยวอีกต่อไป เพราะนั่นเป็นเพียงมายาภาพที่เราเคยสงสารตัวเอง
เราไม่ต้องกลัวความล้มเหลวอีกต่อไป เพราะมันมิอาจทำให้ความรักของเราเปลี่ยนแปลงได้

การดำรงอยู่อย่างจริงแท้กับตัวเอง ไม่ใช่การได้ชัยชนะเหนืออะไร เพราะไม่มีอะไรแพ้หรือชนะ
ความเปลือยเปล่าก็ไม่ได้ดีไปกว่าอะไร มันเป็นเพียงความเปลือยเปล่า ที่ไร้วาระและความคาดหวัง
การไม่แสวงหาเกราะกำบังหรือคำปลอบประโลมใดๆ เพราะลมหายใจเข้าออกได้ดูแลฉันแล้ว


เพียงซื่อตรงและจริงแท้ โลกใหม่ก็ปรากฎอยู่เบื้องหน้า และเบื้องลึก
แต่นี่อาจถึงแก่อสัญกรรมแห่งอัตตา และการต้องเผชิญกับความหวั่นไหวและวิตกกัลวลอย่างสุดขีด
ความประหวั่นพรั่นพรึงที่เราจะไม่มีทำนบให้เกาะ ได้แต่เพียงลอยคออยู่ในมหาสมุทรที่เวิ้งว้าง
หากโชคดี อาจมีท่อนไม้สักต้น ลอยมาให้เกาะ
ไม่ได้...เกาะไม่ได้เชียว เรากระโดดลงจากท่าน้ำเพราะจะหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับน้ำมิใช่หรือ
แล้วจะกลัวจมน้ำทำไมกัน
กลัวจะเป็นหนึ่งเดียวกับห้วงมหรรณพที่ยิ่งใหญ่ไปใย